ภาษีอากร
สรรพากร” แจง 20 คำตอบ “ผู้ประกอบการนิติบุคคล” ต้องรู้ ?
วันนี้ (4 ม.ค.) มีรายงานว่า กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง มีหนังสือฉบับที่ 1/2559 เกี่ยวกับกรณีที่มีการประกาศ พ.ร.ก. การยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 เผยแพร่ในเว็บไซต์ กรมสรรพากร โดยเป็นการตอบคำถามถึงข้อสงสัยของประชาชนและนิติบุคคล จำนวน 20 ข้อ มีใจความ ดังนี้
- Q : เหตุผลและความจำเป็นในการตราพระราชกำหนดยกเว้น และสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
A : เพื่อสะท้อนสภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศ โดยรัฐบาลสามารถวิเคราะห์และวางแผน ในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการได้ตรงต่อความต้องการ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการผลิตและการค้า รวมถึงเป็นการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม นอกจากนี้ การดำเนินการตามพระราชกำหนดในการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการนำระบบ e-payment มาใช้ ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมให้การทำธุรกรรมและการบริหารเงินของผู้ประกอบการเป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเกิดประสิทธิภาพ อันจะส่งผลสำเร็จต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
- Q : ทำไมต้องเป็นพระราชกำหนด เพื่อยกเว้นการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร
A : เนื่องจากการตราพระราชกำหนดฯ ดังกล่าวเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากร ที่ต้องพิจารณาโดยด่วน และลับ ซึ่งหากมิได้ดำเนินการเป็นการเร่งด่วนแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
- Q : พระราชกำหนดนี้เป็นการนิรโทษกรรมทางภาษีหรือไม่
A : พระราชกำหนดนี้ไม่ใช่ การนิรโทษกรรมทางภาษี แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยกเว้นการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มาจดแจ้งต่อกรมสรรพากรในการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่ท้จริงของกิจการเพียงเล่มเดียว ส่วนบริษัทฯ ที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดี ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 กรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้น ๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ - Q : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดได้รับประโยชน์จากพระราชกำหนด
A : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิ และมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาซึ่งมีระยะเวลาครบ 12 เดือน และมีวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม 2558
- Q : ประโยชน์ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะได้จากพระราชกำหนด คืออะไร
A : จะได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559
- Q : ถ้าต้องการได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนด ต้องทำอย่างไร
A : ต้องมาจดแจ้งต่อกรมสรรพากร โดยยื่นคำขอจดแจ้งผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรที่ http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2559
- Q : บริษัทฯ จะทราบได้อย่างไรว่าได้จดแจ้งเรียบร้อย หรือไม่
A : บริษัทฯ ที่ได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากรภายในกำหนดเวลา จะได้รับข้อความแจ้งผ่านทางอีเมล์ที่บริษัทฯ ได้ให้ไว้กับกรมสรรพากรว่า ได้รับการจดแจ้งเรียบร้อยแล้ว
- Q : ภายหลังการจดแจ้งบริษัทฯ ต้องกระทำตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขอะไรบ้างเพื่อให้ได้การยกเว้น
A : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จะต้องจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป และจะต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร รวมทั้งต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้ครบถ้วน ตามประเภทภาษีที่บริษัทฯ มีหน้าที่ในการยื่นแบบและชำระภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
- Q : กรณีที่บริษัทฯ ได้จดแจ้งแล้ว กรมสรรพากรจะยกเลิกการตรวจสอบในอดีตทั้งหมดใช่หรือไม่
A : กรณีที่บริษัทฯ ได้จดแจ้งแล้ว และอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดี ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 กรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้น ๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
- Q : ถ้าบริษัทฯ อยู่ระหว่างขอคืนภาษีอากรบริษัทฯ จะยังคงได้เงินภาษีที่ขอคืนไว้หรือไม่ อย่างไร
A : ถ้าบริษัทฯ อยู่ระหว่างขอคืนภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินจะยังคงสามารถดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนภาษีที่ขอคืนนั้นได้
- Q : หากบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดจะถูกดำเนินการอย่างไร
A : กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น จะถูกเพิกถอนจากการยกเว้นการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง และให้ถือว่าบริษัทฯ นั้น ไม่เคยได้รับสิทธิใด ๆ ตามพระราชกำหนดฉบับนี้
- Q : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนดนี้ ได้หรือไม่
A : SMEs ที่ได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากรตามพระราชกำหนดนี้ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร
- Q : ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนดต้องมีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่
A : ไม่มีการจำกัดทุนจดทะเบียนสำหรับบริษัทฯ ที่จดแจ้งตามพระราชกำหนดนี้ แต่บริษัทฯ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาซึ่งมีระยะเวลาครบ 12 เดือน และมีวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม 2558
- Q : หากบริษัทฯ ได้จดแจ้ง และมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ตรงตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดในพระราชกำหนดฯนี้ แต่ปรากฏว่าในปีต่อมาบริษัทฯ มีรายได้เกินกว่า 500 ล้านบาท บริษัทฯ จะยังคงได้รับการยกเว้นการตรวจสอบตามพระราชกำหนดฯ หรือไม่
A : บริษัทฯ จะยังคงได้รับการยกเว้นการตรวจสอบตามพระราชกำหนดฯนี้
- Q : ทำไมถึงต้องให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินใช้บัญชีและงบการเงินที่ใช้ในการยื่นรายการภาษีเงินได้เป็นหลักฐานในการขอสินเชื่อ
A : เนื่องจากการจัดทำบัญชีและงบการเงินที่สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ ในการทำธุรกรรมการเงินให้กับกิจการเหล่านั้น ทำให้รัฐสามารถให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการได้ตรงจุดและตรงต่อความต้องการของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการอีกด้วย
- Q : สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ สำหรับนิติบุคคลประเภทใด
A : ต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 และมีทุนชำระแล้ว ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อม SME)
- Q : บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการได้สิทธิประโยชน์อย่างไรหรือไม่
A : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี จะต้องยื่นคำขอจดแจ้งผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรที่ http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2559 ว่าเป็นผู้ประกอบการตามพระราชกำหนดการยกเว้นและ สนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร และต้องไม่ถูกเพิกถอนการได้รับการยกเว้น ตามพระราชกำหนดฯ
- Q : สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นอย่างไร
A : เป็นการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับ SME ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2559 และปี 2560 ดังนี้ กำไรสุทธิ อัตราภาษี รอบระยะเวลาบัญชีปี 2559 รอบระยะเวลาบัญชีปี 2560 0-3 แสนบาท ยกเว้น 3 แสนบาทขึ้นไป 10%
- Q : กรณีหากเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จดแจ้งเพื่อขอรับการยกเว้นตามพระราชกำหนดฯ ภายในกำหนดเวลา จะขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการยกเว้นและลดอัตราภาษีเพียงอย่างเดียว ได้หรือไม่
A : หากบริษัทฯ ไม่มีการจดแจ้งตามพระราชกำหนดฯ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการยกเว้นและลดอัตราภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ
- Q : ถ้าบริษัทฯ ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ใด
A : หากต้องการทราบข้อมูลตามพระราชกำหนดฯ และพระราชกฤษฎีกาฯ เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ RD Call Center โทร. 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ